top of page

FOLLOW ME:

  • Facebook Clean Grey

EP.1 อะไรคือ Digital4.0 & Thailand 4.0?

หลายๆท่านคงจะได้เห็นและได้ยินคำ 2 คำนี้เริ่มจะบ่อยขึ้น ตั้งแต่ปลายปี 2559 ที่ผ่านมา แต่อาจจะสงสัยว่า Digital 4.0 และ Thailand 4.0 คืออะไร? แล้วเกี่ยวข้องกับพวกเรายังไง?

เกี่ยวข้องกับพวกเราประชาชนชาวไทยทุกๆ คนเลยก็ว่าได้ เพราะเรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอล 4.0 ของประเทศไทยในปี 2560นี้ เพื่อไม่ให้ยืดเยื้อ งั้นจะขออธิบายยุคต่างๆที่ผ่านมาจนเข้าสู่ยุคดิจิตอลในปัจจุบันนี้แบบให้เข้าใจง่ายๆเลยแล้วกัน

ยุคดิจิตอล Digital 1.0 เป็นยุคเริ่มต้นของ " อินเทอร์เน็ต Internet " โดยเราจะคำจำกัดความของ ดิจิตอล Digital 1.0 คือ อินเทอร์เน็ต Internet เป็นยุคบุกเบิกของการทำกิจกรรมแบบ ออนไลน์ Online ซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้าที่เราทำทุกอย่างเป็นแบบ ออฟไลน์ Offline กันมา อาทิเช่น การส่ง จดหมาย Mail ที่เปลี่ยนเป็นการส่ง อีเมล์ E-mail โดยเราไม่จำเป็นต้องเขียน ร่าง สร้างตัวอักษรลงบนกระดาษ แล้วส่งผ่านบุรุษไปรษณีย์อีกต่อไป และอีกหนึ่งตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนในยุคนี้ก็คือ เว็บไซต์ Website ที่ทำให้เราเข้าถึงทุกอย่าง ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ได้ตลอด 24ชม. และทุกวัน ไม่มีวันหยุดอีกต่อไป และเริ่มมีกิจกรรมในเชิงธุรกิจ เพื่อเป็นการต่อยอดของสินค้า และบริการนั้นๆ ผ่านทางการโฆษณาต่างๆ ในโลกออนไลน์อีกด้วย

ยุคดิจิตอล Digital 2.0 เป็นยุคเริ่มต้นของการสร้าง " สังคมออนไลน์ Social Network" ซึ่งเป็นยุคต่อยอดจากการที่เราได้เรียนรู้ยุค 1.0 กันมาเป็นอย่างดีแล้ว ยุคนี้จะเป็นยุคที่ ผู้บริโภค Consumers เริ่มสร้างเครือข่ายเพื่อการสื่อสาร หรือที่เรียกกันว่า Social Media เพื่อความสะดวกสบายในการติดต่อสื่อสาร ดำเนินกิจกรรมในเชิงธุรกิจ และรวมไปถึงการทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ได้ง่ายขึ้น แค่เพียงปลายนิ้ว โดยที่นักธุรกิจส่วนใหญ่มักจะมองว่า Social Media เป็นเพียงเครื่องมือที่ประกอบการดำเนินธุรกิจ การสร้างแบรนด์ Branding การสร้างเครือข่าย Connection ในแวดวงธุรกิจ รวมไปถึงวัดผลของธุรกิจ แบรนด์ ได้อย่างรวดเร็ว และยังเป็นอำนาจในการต่อรองของผู้บริโภคที่จะตัดสินว่าจะเลือกสินค้า และบริการของใคร และเพื่อเพิ่ม/ วัดค่าศักยภาพของสินค้า และบริการนั้นๆได้เป็นอย่างดี

ยุคดิจิตอล Digital 3.0 เป็นยุคของ " ข้อมูล Data " คือ ถ้าใครเคยได้ยินประโยคนี้จะเริ่มเข้าใจว่าเพราะอะไร " ใครมีข้อมูลมาก ก็มีอำนาจมาก " คำพูดนี้ใช้ได้กับยุคนี้จริงๆ เหตุเพราะการที่มีข้อมูลมากๆ จะสามารถนำมันมาประมวลผล เพื่อจับเอาสิ่งที่เป็นสาระ หรือความต้องการของผู้ใช้ออกมาได้มากกว่า โดยการคิดค้น เฟ้นหาจากข้อมูลต่างๆ จึงได้นำมาพัฒนาทำให้ Social Media ประสบความสำเร็จมากขึ้นกว่าเดิม โดยการสร้างแอพลิเคชั่น Application ที่ให้ความสะดวกสบายแก่ผู้บริโภค ผ่านทางโทรศัพท์สมาร์ทโฟน Smartphone และ แท็บเล็ต Tablet

และเราก็มาถึงยุคปัจจุบัน ในปี 2560 นี้ ยุคดิจิตอล Digital 4.0 เป็นยุคที่รวบยอดใช้ทุกอย่างตั้งแต่ 1.0-3.0 มารวมกันไว้ แล้วพัฒนาต่อยอดโดยการใช้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นทุกวันในปัจจุบัน เพื่อลดบทบาทของมนุษย์ และเพิ่มศักยภาพของมนุษย์ในการใช้ความคิด เพื่อพัฒนาให้ก้าวขีดจำกัด โดยจะให้ชื่อยุคนี้ว่าเป็นยุค Machine-2-Machine การใช้ความฉลาดของเทคโนโลยีทำให้อุปกรณ์ต่างๆ สามารถทำงานได้เองโดยอัตโนมัติ โดยจะคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นหลัก ตัวอย่างเช่น เราไม่จำเป็นต้องเดินไปเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเอง แค่เพียงใช้แอพลิเคชั่นบนมือถือสั่งงาน โดยสามารถเลือกเปิด หรือเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นไหนในบ้านก็ได้ หรือเอาตัวอย่างที่ใกล้ตัวเลยก็ได้ ปัจจุบันเราสามารถใช้คำสั่งเสียงผ่านมือถือเพื่อสั่งงานให้โทรศัพท์ทำตามที่เราต้องการได้ เช่น ในแอพถ่ายภาพบนมือถือ เพียงพูดคำว่า "แคปเจอร์" โทรศัพท์ก็จะทำการถ่ายภาพให้เราอัตโนมัติ โดยที่เราไม่ต้องกดปุ่มถ่ายภาพเลยด้วยซ้ำ แล้วเกี่ยวข้องยังไงกับพวกเราล่ะ? ที่จะบอกว่าเกี่ยว ก็เพราะเราจะต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคนี้อย่างมาก เพราะการทำงานแบบทำทุกอย่างด้วยมือ หรือ Manual นั้น กำลังจะหมดไป เพราะคณะรัฐบาลยุคปัจจุบัน กำลังปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจ ให้เข้าสู่ยุค “ ประเทศไทย Thailand 4.0 ” แล้วยุค ประเทศไทย 4.0 คืออะไร ก็จะอธิบายคร่าวๆ ของยุคก่อนหน้าได้ความว่า

Thailand 1.0 เป็นยุคของเกษตรกรรม คนไทยปลูกข้าว พืชสวน พืชไร่ เลี้ยงหมู เป็ด ไก่ นำผลผลิตไปขาย สร้างรายได้และยังชีพ

Thailand 2.0 ซึ่งก็คือยุคอุตสาหกรรมเบา ในยุคนี้เรามีเครื่องมือเข้ามาช่วย เราผลิตเสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องดื่ม เครื่องเขียน เครื่องประดับเป็นต้น ประเทศเริ่มมีศักยภาพมากขึ้น

Thailand 3.0 เป็นยุคอุตสาหกรรมหนัก เราผลิตและขายส่งออกเหล็กกล้า รถยนต์ ก๊าซธรรมชาติ ปูนซีเมน เป็นต้น โดยใช้เทคโนโลยีจากต่างประเทศ เพื่อเน้นการส่งออก

ซึ่งยุค Thailand 4.0 นี้ เป็นความมุ่งมั่นของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ ไปสู่ “ Value–Based Economy ” หรือ “เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม" คือ ที่ผ่านมาโมเดลธุรกิจของไทยนั้นยังคงเป็นแบบ "ทำมาก-ได้น้อย" เราจึงต้องปรับเปลี่ยนเป็น "ทำน้อย-ได้มาก" โดยจะมีการปรับเปลี่ยนแบบ 3 มิติ ดังต่อไปนี้

1. เปลี่ยนการผลิตสินค้าและส่งออกสินค้าอุปโภคและบริโภค "โภคภัณฑ์" ให้เป็น สินค้าเชิง "นวัตกรรม"

2. เปลี่ยนจากการขับเคลื่อนประเทศด้วยอุตสาหกรรม ไปเป็น ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม

3. เปลี่ยนจากการเน้นภาคการผลิตสินค้า ไปเป็นเน้นภาคการบริการให้มากขึ้น

" ประเทศไทย 4.0 " จึงเป็นการเปลี่ยนผ่าน ทุกระบบภายใน 4 องค์ประกอบสำคัญ คือ

1. เปลี่ยนจากการเกษตรแบบดั้งเดิม Traditional Farming ให้เป็น การเกษตรสมัยใหม่ ที่เน้นการบริหารและจัดการโดยใช้เทคโนโลยี Smart Farming เข้ามาควบคุมดูแล เพื่อเพิ่มผลผลิต ให้มีคุณภาพ

2. เปลี่ยน SMEs ให้กลายเป็น Smart Enterprises หรือ Startups ที่มีศักยภาพที่สูงขึ้น

3. เปลี่ยน Services ธรรมดาก่อนๆ โดยจะให้พัฒนาไปเป็น บริการชั้นเลิศ High Value Services

ร่ายยาวขนาดนี้..คงจะพอเข้าใจขึ้นแล้วนะ ว่าทำไมพวกเราถึงต้องปรับและเปลี่ยนการใช้ชีวิต โดยต้องเริ่มจากการพัฒนาศักยภาพของตัวเราเองก่อน ถ้าใครทำได้ก็จะถือว่าได้ก้าวข้ามขีดที่เราเคยทำเอาไว้ นั่นจะหมายถึงข่าวดีว่า เราได้พัฒนาตัวเราเองให้มีความทัดเทียมกับประเทศที่พัฒนาแล้ว และอาจจะพัฒนามากกว่าประเทศที่พัฒนาไปแล้วเสียอีกก็เป็นได้ " เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน! "

เราจะมาเข้าสู่เรื่องที่ชวนปวดหัวใน EP.2 ลูกค้าเท! ลูกค้าหาย! ต้องเริ่มทำอะไรบ้างแล้วล่ะ.. โดยการวิเคราะห์หาคำตอบกัน เมื่อช่างและร้านทำผม..ต่างโดนลูกค้าเท ลูกค้าไม่เข้าร้าน ลูกค้าน้อยและหายไป

ขอบคุณที่ติดตาม

Credits: it24hrs.com , thairath.co.th , marketeer.co.th , กสทช. สำหรับข้อมูลในเรื่องนี้

bottom of page